แด่วันคืนที่ผ่านพ้น Twenty Five, Twenty One
April 5, 2022
Twenty Five, Twenty One เป็นหนึ่งในซีรี่ย์เกาหลีที่ชอบที่สุดในรอบหลายปี หลังดูจบเกิดความรู้สึกที่แม้แต่คลังศัพท์ในหัวก็บรรยายไม่ได้ ถึงขนาดต้องไปค้นหาว่าคนเรารู้สึกเศร้าแบบไหนได้บ้าง เจอคำหนึ่งที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุด คือ “saudade” ซึ่งแปลว่าอารมณ์เศร้าหมองลึกของการถวิลหาบางอย่างหรือบางคนที่ไม่อาจครอบครอง เป็นความรู้สึกระหว่าง nostalgic, yearning และ homesickness ซีรี่ย์ก็ทำให้เรารู้สึกทำนองนั้น เศร้าแบบเข้าใจชีวิต ไม่ฟูมฟาย แต่ก็หม่น รู้ว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วจะไม่หวนกลับมาอีก
Twenty Five, Twenty One มีองค์ประกอบและทำให้รู้สึกคล้ายตอนดู Reply 1988 ซึ่งเป็นซีรี่ย์ที่ยังยกให้อยู่ในใจตลอดกาลถึงวันนี้ นึกอิจฉาเกาหลีที่มีซีรีย์เล่าความรู้สึกและชีวิตของชนชั้นกลางในห้วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ละเอียด ละเมียด สนุก เสพย์ง่าย เล่าชีวิตคนทั่วๆ ไปที่เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเขา ชวนให้หวนระลึกหาอดีต (nostalgic) มองเห็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิต (slice of life) รู้สึกรักและโรแมนติกับชีวิต ซึ่งเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่ใฝ่หาจากการเสพย์ละคร
ห้วงประวัติศาสตร์ที่ Twenty Five, Twenty One โฟกัสคือ 4-5 ปีหลังยุค IMF ซึ่ง Gen Y น่าจะเชื่อมโยงได้มากๆ เรื่องเล่าผ่านตัวละคร 5 ตัวที่ดูยังไงก็หลงรัก เอาใจช่วย อยากกอดทุกคนแน่นๆ ให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าทุกข์ ให้เจอเรื่องดีมากกว่าไม่ดี ให้สมหวังมากกว่าผิดหวัง ให้โลกไม่โหดร้ายกับพวกเขามากไปนัก หากใครอยากอ่านเรื่องย่อและรายละเอียดต่อตอน เพจซีรี่ย์เกาหลีแทบทุกเพจในเฟสเขียนไว้เยอะมาก แถมเขียนดี เขียนละเอียด นี่คือซีรีย์ที่ทำให้เพจรีวิวซี่รีย์เกาหลีคลั่งโดยพร้อมเพรียง สามารถหาอ่านได้ไม่ยาก เราจึงขอละไว้
สปอยล์มากๆ หลังจากนี้…ถ้ายังไม่ดูแล้วอยากดูขอให้อ่านถึงแค่นี้
สิบห้าตอนแรกนั้นไร้ที่ติ ส่วนตอนที่สิบหกที่คนคาใจ เราก็รู้สึกไม่ต่างกันว่าการเลิกราของทั้งคู่สมเหตุสมผลกว่านั้นได้มากๆ ถ้าหากเขาอุทิศหลายชั่วโมงเพื่อให้เราเรียนรู้ว่าแบคอีจินกับนาฮีโดรักกันได้ลึกซึ้งขนาดนั้นได้อย่างไร คนสร้างก็ควรให้เวลาคนดูได้เรียนรู้รายละเอียดที่ทำให้คนสองคนซึ่งรักกันในหลายมิติขนาดนี้ตัดสินใจแยกทาง
แม้เหตุผลจะชัดเจน แบคอีจินคือคาแรกเตอร์ของคนที่หนีจากคนทั้งโลกเสมอเวลามีเรื่องทุกข์ ตั้งแต่ต้นเรื่อง เมื่อใดก็ตามที่ทุกข์จะเก็บปัญหาไว้แก้คนเดียว ยอมแบ่งความทุกข์ของคนอื่น แต่ทุกข์ของตัวเองไม่แชร์ให้ใคร ส่วนนาฮีโดคือคนที่อยากแชร์ทุกเรื่อง ไม่ได้อยากรัก “แค่เวลาดี” แต่เวลาที่เลวร้ายก็อยากให้กำลังใจส่งไปถึง ความรู้สึกที่กำลังใจไปไม่ถึงทำให้กลายเป็นคนนอกในความสัมพันธ์ที่มีกันสองคน ถึงกระนั้น ต่อให้เหตุผลชัดแค่ไหน รายละเอียดนั้นไม่ชัด เราไม่เห็นเลยว่าสองคนนี้พยายามอย่างไรที่จะทำให้มันเวิร์คจนกว่ามันจะไม่เวิร์คจริงๆ อย่างไร ในชีวิตจริงอาจเป็นอย่างนี้ได้ แต่ในละครซึ่งทำให้เราติดตามมาขนาดนี้นั้นไม่เพียงพอจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดตรงนี้ออก การจากลาก็เป็นความจริงของชีวิต การที่นาฮีโดวัยคุณแม่จำฤดูร้อนที่เคยใช้เวลาตอนวัยรุ่นกับอีกสี่คนไม่ได้ก็เป็นความจริงของชีวิตเช่นกัน บ่อยครั้งที่ในชีวิตเราต่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สิ่งสุดท้ายที่เหลืออาจเป็นเพียงการไม่เป็นคนแปลกหน้าในความทรงจำ
เครดิตรูปภาพ: https://pantip.com/topic/41319663